More
    More

      กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับ แบรนด์ไทย WISHARAWISH แสดงผลงานเครื่องแต่งกายผ้าไทยต้นแบบ กับคอลเลกชั่นผ้าไทยร่วมสมัย ในโครงการพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล ณ Art Space ชั้น 8 (River Museum) ไอคอนสยาม

      -

      กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับ แบรนด์ไทย WISHARAWISH แสดงผลงานเครื่องแต่งกายผ้าไทยต้นแบบ กับคอลเลกชั่นผ้าไทยร่วมสมัย ในโครงการพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล ณ Art Space ชั้น 8 (River Museum) ไอคอนสยาม

      กรมส่งเสริมวัฒนธรรมกระทรวงวัฒนธรรม  ร่วมกับ ศูนย์บริการวิชาการมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒและแบรนด์ WISHARAWISH (วิชระวิชญ์) เล็งเห็นถึงความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยในงานหัตถกรรมการทอผ้าของคนในชุมชน ที่เป็นการอนุรักษ์ สืบสาน และสร้างสรรค์ จึงได้ดำเนินงานต่อยอดโครงการพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล ประจำปี 2563  เป็นปีที่สอง และจัดแถลงข่าวการแสดงผลงานเครื่องแต่งกายผ้าไทยต้นแบบ ณ Art Space ชั้น 8 (River Museum)

      คุณวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข

      ไอคอนสยาม เพื่อเผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทย รวมทั้งการสร้างสรรค์ผลงานเครื่องแต่งกายที่ตัดเย็บด้วยผ้าไทย โดยได้ คุณวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ WISHARAWISH ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการแฟชั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานเครื่องแต่งกายผ้าไทยต้นแบบ อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายทางศิลปวัฒนธรรมผ่านผ้าไทยไปสู่ชุมชนต้นแบบจากเดิม 7 แห่ง เพิ่มอีก 7 แห่ง รวมเป็น 14 แห่ง  

      นายชาย นครชัย 

      นายชาย นครชัย  อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประธานการแถลงข่าว กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เล็งเห็นความสำคัญของผ้าไทย ซึ่งเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมในงานช่างฝีมือที่สืบทอดกันมา จึงได้ดำเนินงานโครงการพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล ประจำปี 2563 ซึ่งดำเนินงานเป็นปีที่สอง โดยเป็นการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงวัฒนธรรม คือการต่อยอดวัฒนธรรมด้วยการนำคุณค่าของวัฒนธรรม สร้างสรรค์สินค้าและบริการ (Creative Culture) เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการทางวัฒนธรรม สนับสนุนการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ที่มีศักยภาพ 5F ในเรื่อง Fashion : การออกแบบและแฟชั่น โดยการบูรณาการและร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งในปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการทั้ง ๗ ชุมชน ประสบความสำเร็จในการนำองค์ความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการไปต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชนตนเอง ได้แก่ 

      ๑.การขยายฐานลูกค้าออกไปสู่ต่างประเทศ 
      ๒.มียอดสั่งผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น
      ๓.การพัฒนาลวดลายบนผืนผ้าใหม่ๆ การวางลายผ้าให้มีความทันสมัย ไม่ดูเชย มีความโดดเด่นเพิ่มมูลค่าให้กับผลงาน 
      ๔.ได้รับเชิญเข้าร่วมงานแสดงเครื่องแต่งกายในงานแฟชั่นในต่างประเทศ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสาธารณรัฐออสเตรีย 
      ๕.ต่อยอดกับเทคโนโลยี เกิดเป็นนวัตกรรมเส้นใยผ้า ส่งผลให้ผ้ามีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ อาทิ กำจัดและปกป้องกลิ่นกาย ป้องกันรังสียูวี เนื้อผ้าไม่ยับง่าย ดูแลรักษาง่าย สวมใส่สบาย 
      ๖.มีรายได้ทั้งจากงานหัตกรรมและนำไปสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผ้ามิติผ้าไทย

      ส่วน ๗ ชุมชนใหม่ที่ได้รับการคัดเลือก ในปี ๒๕๖๓ ได้แก่ ชาคราฟท์ จังหวัดแพร่ ผ้าซาโลมาปาเต๊ะจังหวัดนราธิวาส ไฑบาติกจังหวัดกระบี่ ร้านฝ้ายเข็น  จังหวัดอุบลราชธานีบ้านหนองอีบุตรจังหวัดกาฬสินธุ์  ฉัตรทองไหมไทยจังหวัดนครราชสีมา และฅญาบาติกนครราชสีมาจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งทั้ง ๗ ชุมชนล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์มีทุนทางวัฒนธรรมดั้งเดิมที่สามารถนำไปต่อยอดให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางด้านเศรษฐกิจ อาทิ เอกลักษณ์ในเรื่องการทอผ้า การออกแบบลายผ้า เส้นใยผ้า ตลอดจนวัสดุธรรมชาติต่างๆที่มีในท้องถิ่น ที่นำมาใช้ทอผ้า  เช่น กลุ่มชาครฟท์ จังหวัดแพร่ ที่รักในงานหัตกรรม (Craft) ที่นำเอาทุนทางวัฒนธรรมที่มีในท้องถิ่น และภูมิปัญญาดั้งเดิมของเมืองแพร่ในการย้อมสีธรรมชาติ เช่น ฮ่อมและครามบริสุทธิ์ นำมาผสมผสานการออกแบบที่ร่วมสมัยผ่านบล็อกไม้และเทคนิคใช้เทียนในการสื่ออกมาบนผืนผ้าได้อย่างสวยงาม มีคุณค่าเหมาะที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เรียกว่า “หม้อฮ่อมเขียนเทียน” ที่บ่งบอกถึงกลิ่นอายความเป็นล้านนาและสืบทอดกันมาช้านานของชาวเมืองแพร่ 

      ในปีนี้แบรนด์ “WISARAWISH” โดดเด่นด้วยการนำเสนอนวัตกรรมเส้นใยที่เรียกว่า ฟิลาเจน (FILAGEN) คือการสกัดคอลลาเจนจากเกล็ดปลาทะเลที่มีคุณสมบัติพิเศษ 4 ประการ ได้แก่ รักษาความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ กำจัดและปกป้องกลิ่นกาย ป้องกันรังสียูวี เนื้อผ้าไม่ยับง่ายและให้อุณหภูมิผิวสัมผัสรู้สึกเย็นสบายเวลาสวมใส่ ซึ่งผ้าของ คอตตอนฟาร์มจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำฟิลาเจนมาทอผสมกับผ้าฝ้ายที่ทางร้านผลิต และนำมาตัดเย็บเป็นเครื่องแต่งกายผ้าไทยต้นแบบในครั้งนี้  โดยอีก 1 นวัตกรรม คือ นาโนซิงค์(Nanozinc) กระบวนการการผสมผสานระหว่าง นาโนเทคโนโลยีและเทคโนโลยีสิ่งทอ โดยการฉีดเส้นใย หรือ Polymerization แทนการเคลือบ ทำให้สารเคมีไม่หลุดเข้าสู่ร่างกายและสิ่งแวดล้อม ส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค คุณสมบัติของเส้นใยนาโนซิงค์ คือ การลดการสะสมของแบคทีเรียในเนื้อผ้า หรือแอนติแบคทีเรีย บาติกเดอนาราจังหวัดปัตตานี ได้นำเส้นใยดังกล่าวมาผลิตเป็นผ้าบาติก และตัดเย็บเป็นเครื่องแต่งกายต้นแบบในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน 

      นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาและช่วยเหลือเป็นที่ปรึกษา เพื่อสร้างความเข้มแข็งและสร้างความมั่นคงผ่านแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมภายในชุมชน/กลุ่มที่ทอผ้า/ผู้ประกอบการ ทั้ง ๑๔ ชุมชน ได้แก่ ผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ จุฑาทิพย์ ผ้าไหมมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ กลุ่มหัตถกรรมคุ้มสุขโข จังหวัดขอนแก่น  ไหมแต้มหมี่ กลุ่มสตรีทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านหัวฝาย จังหวัดขอนแก่น ผ้าขาวม้าอิมปานิจังหวัดราชบุรี  ผ้าฝ้ายทอมือคอตตอนฟาร์มจังหวัดเชียงใหม่ เรือนไหมใบหม่อน จังหวัดสุรินทร์ บาติกเดอนาราจังหวัดปัตตานี ชาคราฟท์ จังหวัดแพร่ ผ้าซาโลมาปาเต๊ะจังหวัดนราธิวาส ไฑบาติกจังหวัดกระบี่ ร้านฝ้ายเข็น จังหวัดอุบลราชธานีบ้านหนองอีบุตรจังหวัดกาฬสินธุ์  ฉัตรทองไหมไทยจังหวัดนครราชสีมา และฅญาบาติกนครราชสีมาจังหวัดนครราชสีมาให้สามารถดำเนินการทอผ้า และสร้างสรรค์ผ้าไทยให้มีความแปลกใหม่ ไปตามกระแสของวงการแฟชั่นที่ไม่เคยหยุดนิ่ง รวมไปถึงยังเป็นการสืบสาน ส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณี นำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านมิติผ้าไทย ซึ่งเป็นการนำทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่มาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจบนรากฐานของวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นในชุมชนให้อยู่คู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน

      สำหรับกิจกรรมที่จะดำเนินการในลำดับถัดไป  ประกอบด้วย การแสดงผลงานเครื่องแต่งกายผ้าไทยต้นแบบในรูปแบบแฟชั่นโชว์  ในวันที่ 9 มีนาคม  2563   ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การเสวนาวิชาการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล ระหว่างวันที่  11 – 12 มีนาคม  2563  ณ  โรงแรมโฟร์วิงส์ สุขุมวิท 26 กรุงเทพฯ  และนิทรรศการเผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้จากชุมชน/กลุ่มที่ทอผ้า/ผู้ประกอบการและการจัดแสดงผลงานเครื่องแต่งกายจากผ้าไทยต้นแบบ  ระหว่างวันที่ 19 – 22 มีนาคม  2563  บริเวณ Art Space ชั้น 8 River Museumไอคอนสยาม กรุงเทพฯ 

      [td_block_social_counter facebook="/MusicArtMagazine" youtube="channel/UCkBloEDlSI8SYOr4tp50z-g" instagram="musicandartmag" open_in_new_window="y" style="style8 td-social-boxed td-social-font-icons"]

      Related Stories