More
    More

      นาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ ของ Van Cleef & Arpels คอลเลคชั่น Poetic Astronomy ได้รับรางบันดาลใจของมวลดาวเคราะห์ตามวิถีของหมู่ดาว

      -

      นาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ ของ Van Cleef & Arpels คอลเลคชั่น Poetic Astronomy ได้รับรางบันดาลใจของมวลดาวเคราะห์ตามวิถีของหมู่ดาว

      Poetic Astronomy
      ด้วยความประทับใจในความงดงามแห่งห้วงเวหนบนแดนสรวง Van Cleef & Arpels ฝันถึงการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางประกายแสงระยิบระยับเรืองรองทั่วจักรวาลเพื่อถ่ายทอดลีลานาฏกรรมของมวลดาวเคราะห์ตามวิถีของหมู่ดาวตลอดจนจำลองรัศมีสุกสกาวของดาราฉายมาประดับข้อมืออย่างหรูหราตระการตาเพื่อให้ชื่นชมอย่างหลงใหลได้ทุกวันความฝันและจินตนาการเหล่านั้นกลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือซึ่งมีความวิจิตรบรรจงดุจ “บทกวีบอกเวลา” อันถือเป็นแนวคิดหลักประจำคอลเลคชัน Poetry of Time®ของเมซงไม่ว่าจะเป็นประกายเจิดจ้าสะกดสายตาของบรรดาสิบสองหมู่ดาวในจักรราศีหรือการเลียนแบบจังหวะเคลื่อนคล้อยของดารานพเคราะห์กลไกอันทรงประสิทธิภาพและคงความแม่นยำในการบอกเวลาแบบต่างๆได้ร่วมกันจำแลงจักรวาลมหัศจรรย์ให้มาปรากฏบนข้อมือ

        The Poetry of Time: บทกวีบอกเวลา

      เพื่อสืบทอดมุมมองอันงดงามดุจบทกวีที่มีต่อชีวิต Van Cleef & Arpels นำมิติแห่งความงามอันโดดเด่นเป็นหนึ่งของตนมาสอดแทรกลงสู่ศิลปะของการผลิตนาฬิกาข้อมือเพื่อจุดประกายความฝัน และอารมณ์ บทบรรจบระหว่างประดิษฐกรรมอันเป็นเลิศ กับจินตนาการ ก่อกำเนิดผลงานสร้างสรรค์ที่พลิกแพลงความแม่นยำ และเที่ยงตรงของกลไกบอกเวลาให้กลายเป็นหนทางเชิญชวนล่วงสู่ดินแดนดุจเทพนิยาย, การผจญภัย และความสุข เบิกบานใจ  

      เมซงอาศัยรกรากประวัติศาสตร์อันยาวนานของตนร่วมกับแหล่งกำเนิดแรงบันดาลใจอันถือเป็นสัญลักษณ์เฉพาะตัวมาเรียงร้อยรจนาขึ้นเป็นงานออกแบบเพื่อเล่าเรื่องราวแห่งความรัก และโชคชะตา บนรากฐานมรดกอันบ่งบอกถึงความเป็น Van Cleef & Arpels เหล่านางฟ้า และนางระบำปลายเท้าล้วนย่างก้าวไปตามชั่วโมงที่เคลื่อนคล้อย ในขณะที่จังหวะแห่งธรรมชาติ ก็ดำเนินไปตามวัฏจักรวาล ผลงานเครื่องบอกเวลาแต่ละชิ้นจากคอลเลคชั่นต่างๆ หาได้ต่างอะไรจากจากเวทีรองรับความงามสง่า และเสน่ห์หรูหราน่าประทับใจ

      PoeticAstronomy: บทกวีแห่งจักรวาล

      ด้วยความประทับใจและหลงใหลในประกายแสงตระการตาของแดนสรวงกับมวลดารา Van Cleef & Arpels    ยกย่องมนตรามหัศจรรย์เหล่านี้ด้วยการออกแบบสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือคอลเลคชั่น Poetic Astronomy™ หรือ “บทกวีแห่งจักรวาล” ผืนฟ้าราตรีประดับดาว, หมู่ดาราในจักรราศี, การเดินทางของดวงตะวัน และจันทรา, นาฏกรรมลีลาแห่งดาวเคราะห์ ทุกผลงานคือการหลอมรวมท่วงทำนองรจนาถึงความวิจิตรงดงามบนห้วงเวลา เข้ากับความประณีต พิถีพิถันของกลไกบอกเวลาอันแม่นยำ เพื่อจุดประกายความรู้สึก และก่อกำเนิดห้วงอารมณ์อันทรงเอกลักษณ์ในทันทีที่ได้ยล

      ทุกคอลเลคชั่น คือผลพวงจากการระดมสุดยอดฝีมือของช่างทำนาฬิกา, ช่างทำเครื่องประดับอัญมณี และหัตถกร เพื่อหลอมรวมไหวพริบในการพลิกแพลงทักษะความชำนาญต่างแขนงของพวกเขามาจำลองเวทีแห่งชีวิต นำพาเจ้าของสายตาที่ทอดมาชื่นชมความหรูหรา ละเมียดละไมให้ก้าวพ้นอาณาเขตของโลกแห่งความเป็นจริงไปสู่ดินแดนแห่งความฝัน และจินตนารมณ์โดยแท้

      Midnight and LadyArpels Zodiaque Lumineux

      Precious constellations: หมู่ดาวรัตนชาติ

      นาฬิกาข้อมือคอลเลคชั่น Poetic Astronomy หรือ “บทกวีแห่งจักรวาล” เปิดหนทางให้เราได้ย่างก้าวไปตามวิถีโคจรของดาราจักรด้วยผลงานชุดใหม่อันประกอบขึ้นจากนาฬิกาข้อมือสำหรับผู้หญิง Lady Arpels Zodiaque Lumineux ถึงสิบสองงานออกแบบตามหมู่ดาวจักรราศีเพื่อสมทบกับนาฬิกาข้อมือสำหรับผู้ชายรุ่น Midnight Zodiaque Lumineux ซึ่งได้รับเปิดตัวเป็นครั้งแรกไปเมื่อครั้งงานจัดแสดงนาฬิกาโลก SIHH 2018 ผลงานสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือทั้งสิบสองแบบเหล่านี้ คือการจำลองประกายสุกสว่างของมวลดารากลางเวหนโดยอาศัยกลไก light-on-demand หรือ “ระบบสั่งงานแสงตามต้องการ” ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2016 สำหรับใช้กับนาฬิกาข้อมือ Midnight Nuit Lumineuse ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะเมซง บัดนี้ถูกนำมาใช้เป็นกลไกจุดประกายแสงสว่างเรืองรองให้แก่สิบสองหมู่ดาวตามจักรราศีตะวันตก

      งานออกแบบเชิงดาราจักร ถือเป็นหนึ่งในแนวทางอันเป็นที่รักยิ่งของเมซงมานับตั้งแต่มีการสรรค์สร้างบรรดาเหรียญนำโชคชุดแรกขึ้นระหว่างทศวรรษ 1950 และปัจจุบัน ก็ได้ถูกพลิกแพลงมาสู่ผลงานสำหรับประดับข้อมือผู้หญิงที่เปี่ยมรสนิยมผ่านประกายสุกสกาวพราวพร่างบนหน้าปัดถึงสิบสองแบบตามหมู่ดาวประจำราสีทั้งสิบสอง นั่นก็คือราศีเมษ (Aries), พฤษภ (Taurus), เมถุน (Gemini), กรกฎ (Cancer), สิงห์ (Leo), กันย์ (Virgo), ตุลย์ (Libra), พิจิก (Scorpio), ธนู (Sagittarius), มังกร (Capricorn), กุมภ์ (Aquarius) และมีน (Pisces)

      ไหวพริบในการหลอมรวมทักษะ ความชำนาญต่างแขนง

      ประกายแสงเจิดจ้าสะกดสายตาของนาฬิกาข้อมือ Midnight Lumineux แบบต่างๆ ล้วนมีจุดกำเนิดเริ่มต้นมาจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า piezoelectricity อันหมายถึงกระแสไฟฟ้า ซึ่งเกิดขึ้นจากวัสดุเพียโซอิเล็กทริก (ส่วนใหญ่เป็นเซรามิกคุณสมบัติพิเศษชนิดหนึ่ง) ก่อแรงดันไฟฟ้าขึ้นได้เมื่อได้รับแรงกล หรือแรงสั่นสะเทือนจากการขับเคลื่อน จากนั้น วัสดุชนิดนี้ก็สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ากลับไปเป็นพลังงานกล หรือแรงสั่นสะเทือนขับเคลื่อนได้เช่นกัน

      วัสดุเพียโซอิเล็กทริกถูกค้นพบ และกลายเป็นกรณีศึกษาขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 และ Van Cleef & Arpels ได้ดำเนินการพัฒนากลไกพิเศษ เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ด้วยการนำเซรามิกเพียโซอิเล็กทริก (piezoceramic) นี้มาเจียนเป็นแผ่นบางดุจใบมีด ซึ่งเมื่อได้รับแรงสั่นจากการขับเคลื่อนของกลไกนาฬิกาข้อมือ แผ่นจานเซรามิกบางเฉียบนี้ก็จะเกิดการสั่นสะเทือน การสั่นสะเทือนนี้จะถูกคุณสมบัติของวัสดุแปรค่าให้กลายเป็นกระแสไฟฟ้า ลำเลียงไปสู่หลอดไฟ LED สี่ ถึงหกหลอด ด้วยการกดปุ่มสั่งงาน  เท่านั้น แสงไฟจากทางด้านหลังก็จะส่องสว่างผ่านลูกปัดลงยาเนื้อโปร่งแสงที่ฝังอยู่บนแผงหน้าปัด ก่อประกายสว่างเรืองรองนานประมาณสามวินาที

      หน้าปัดรุ่นต่างๆ ดุจมีชีวิตโลดแล่น จรัสประกายความงามประดับข้อมือขึ้นได้ก็ด้วยทักษะ ความสามารถเชิงเทคนิค ซึ่งถูกระดมมาใช้ตกแต่ง ประดับประดารายละเอียดท่ามกลางห้องผลิตงานแผนกต่างๆ ในโรงงานของ Van Cleef & Arpels ที่เขตเทศบางเมืองเมย์แร็ง ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทองคำขาวถูกนำมาหล่อแบบ สลักเสลาอย่างวิจิตรบรรจงทีละชิ้นๆ สัญลักษณ์ประจำราศีต่างๆ บนนาฬิกาข้อมือบุรุษ โดดเด่นอยู่บนพื้นหน้าปัดลงยาไปแย็ต (pailleté : ลงยาเคลือบเงาแบบแผ่นเลื่อม) สีน้ำเงินเข้มจำลองแบบเฉดสีผืนฟ้ายามราตรี ส่วนนาฬิกาข้อมือสตรี สัญรูปประจำราศีต่างๆ เหล่านี้ล้วนตกแต่งด้วยทองคำขาว หรือทองคำสีเหลืองสุกสกาว ร่วมกับบรรดารัตสชาติเลอค่า และงานลงยา ความล้ำลึกของห้วงจักรวาล อาศัยลูกเล่นล้อแสงทอประกายของสีน้ำเงินเข้มเหลื่อมเฉด ร่วมกับงานลงยาเฉดต่างๆ อย่างสีเขียว เพื่อเป็นตัวแทนธาตุดิน, สีส้มคือธาตุไฟ และลีลาไล่ลำดับเฉดของสีฟ้า กับสีม่วงคือธาตุลมและน้ำภายในแต่ละหมู่ดาว ต่างอาศัยลูกปัดลงยาอย่างอ่อนช้อย ละเมียดละไมตกแต่งเป็นตัวแทนตำแหน่งดาวจุดต่างๆ ซึ่งล้วนอาศัยงานฝีมือตะไบรูปทรงให้เกลี้ยงเกลา เช่นเดียวกับงานฝังลงบนแผงหน้าปัด ลูกปัดลงยาบางเม็ดอาศัยเทคนิคในการก่อแสงสว่างได้เหมือนดวงดาวอย่างสมจริง

      [td_block_social_counter facebook="/MusicArtMagazine" youtube="channel/UCkBloEDlSI8SYOr4tp50z-g" instagram="musicandartmag" open_in_new_window="y" style="style8 td-social-boxed td-social-font-icons"]

      Related Stories